คำพิพากษาศาลฎีกา ๖๖๙๓/๒๕๕๔
ป.อ. เจตนาฆ่า พยายาม (มาตรา ๒๘๘, ๘๐)
แม้ผู้เสียหายกับจำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนถึงขนาดที่จำเลยจะเอาชีวิตผู้เสียหาย และจำเลยใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายเพียงครั้งเดียว เนื่องจากทะเลาะวิวาทกันก็ตาม แต่นายแพทย์ผู้ตรวจรักษาตรวจร่างกายผู้เสียหายพบบาดแผลขอบเรียบกว้าง ๒ เซนติเมตร ที่ชายโครงด้านซ้าย มีลมเข้าไปในปอด ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาภายใน ๖ ชั่วโมง อาจถึงแก่ชีวิตได้ การที่มีลมเข้าไปในปอดเป็นผลมาจากที่จำเลยใช้อาวุธมีดปลายแหลมของกลางยาว ๕ นิ้ว แทงอย่างรุนแรงจนลึกถึงปอด และการแทงที่ชายโครงด้านซ้ายหลังซึ่งมีอวัยวะสำคัญเกี่ยวพันถึงระบบหายใจ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า ผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกา ๖๖๙๒/๒๕๕๔
ป.วิ.อ. สืบประกอบคำรับสารภาพ (มาตรา ๑๗๖ วรรคหนึ่ง)
ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง คดีนี้ได้ความว่า จำเลยกำลังวิ่งหลบหนีจากการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ โดยผู้เสียหายเข้าสกัดหน้าจำเลยไว้ แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในลักษณะทันทีทันใด จำเลยย่อมไม่มีโอกาสเลือก ทั้งจำเลยแทงเพียงครั้งเดียว แล้ววิ่งหลบหนีไปไม่ได้แทงซ้ำอีก ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ อาการบาดเจ็บของผู้เสียหายใช้เวลารักษา ๒ สัปดาห์ และโจทก์ก็ไม่ได้นำแพทย์ผู้รักษาผู้เสียหายมาเบิกความว่า บาดแผลของผู้เสียหายจะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้เพราะอะไร เพียงอ้างส่งผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เท่านั้น พฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้ว่าจำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๘๗๐/๒๕๔๐
ป.อ. มาตรา ๕๙ , ๒๘๘
แม้จำเลยกับผู้เสียหายจะเป็นญาติพี่น้องกัน สาเหตุแห่งการทำร้ายเกิดจาก จำเลยโกรธที่ผู้เสียหายว่ากล่าวตักเตือนให้จำเลยเลิกดื่มสุรา ติดต่อกันมาสองวันแล้ว จำเลยได้ลอบเข้าไปแทงผู้เสียหายขณะที่ผู้เสียหายนอนหลับอยู่ที่เตียงผ้าใบใต้ถุนบ้านหนึ่งที จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว ๑ ฟุต เฉพาะตัวมีดยาว ๘ นิ้ว เลือกแทงที่ท้องของผู้เสียหายอย่างแรงบาดแผลที่หน้าท้องยาว ๔ เซนติเมตร ลึกถึง ๔ นิ้ว ทะลุลำไส้เล็ก ตัดเส้นโลหิตใหญ่ฉีกขาด ผู้เสียหายมีเลือดตกในช่องท้องประมาณ ๒ ลิตร แพทย์ลงความเห็นว่าถ้าไม่ได้รับการผ่าตัดอย่างรีบด่วนอาจทำให้ถึงตายได้ภายใน ๑ ชั่วโมง จำเลยใช้มีดขนาดใหญ่มีความยาวและแหลมคมแทงที่ท้องอันเป็นอวัยวะสำคัญของผู้เสียหาย ถึงแม้จำเลยจะมีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย แต่จำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ ย่อมถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วรรคสอง
การที่จำเลยไม่แทงซ้ำอีก ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสจะทำได้ ก็ไม่ทำให้ความผิดของจำเลยเปลี่ยนแปลงไป เพราะเจตนาโดยเล็งเห็นผลนั้น มุ่งถึงลักษณะแห่งการกระทำและผลของการกระทำที่อาจเกิดขึ้นเป็นหลัก มิได้มุ่งถึงเจตนาของผู้กระทำเป็นหลัก เช่น ใช้อาวุธปืนยิงนกที่จับอยู่ขอนไม้ใกล้ ๆ กับที่มีคนนั่งอยู่ ผู้ยิงย่อมเล็งเห็นผลว่ากระสุนปืนอาจพลาดไปถูกคนได้ ซึ่งหากกระสุนปืนพลาดไปถูกคนตาย ผู้ยิงย่อมมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาทั้ง ๆ ที่ไม่มีเจตนาจะยิงคนเลย กรณีของจำเลยก็เช่นกัน เมื่อผู้เสียหายไม่ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
ส่วนการกระทำโดยบันดาลโทสะต้องเกิดจากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม และต้องกระทำต่อผู้ที่ข่มเหงในขณะนั้น ผู้เสียหายเพียงแต่ว่ากล่าวตักเตือน แม้จะด่าว่าจำเลยบ้าง ก็ไม่ใช่เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม อีกทั้งผู้เสียหายก็ได้เลิกด่าและหนีไปนอนจนหลับแล้ว จำเลยลอบเข้าไปแทงขณะที่ผู้เสียหายนอนหลับจะอ้างเหตุบันดาลโทสะ หาได้ไม่
ป.อ. เจตนาฆ่า พยายาม (มาตรา ๒๘๘, ๘๐)
แม้ผู้เสียหายกับจำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนถึงขนาดที่จำเลยจะเอาชีวิตผู้เสียหาย และจำเลยใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายเพียงครั้งเดียว เนื่องจากทะเลาะวิวาทกันก็ตาม แต่นายแพทย์ผู้ตรวจรักษาตรวจร่างกายผู้เสียหายพบบาดแผลขอบเรียบกว้าง ๒ เซนติเมตร ที่ชายโครงด้านซ้าย มีลมเข้าไปในปอด ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาภายใน ๖ ชั่วโมง อาจถึงแก่ชีวิตได้ การที่มีลมเข้าไปในปอดเป็นผลมาจากที่จำเลยใช้อาวุธมีดปลายแหลมของกลางยาว ๕ นิ้ว แทงอย่างรุนแรงจนลึกถึงปอด และการแทงที่ชายโครงด้านซ้ายหลังซึ่งมีอวัยวะสำคัญเกี่ยวพันถึงระบบหายใจ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า ผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกา ๖๖๙๒/๒๕๕๔
ป.วิ.อ. สืบประกอบคำรับสารภาพ (มาตรา ๑๗๖ วรรคหนึ่ง)
ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง คดีนี้ได้ความว่า จำเลยกำลังวิ่งหลบหนีจากการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ โดยผู้เสียหายเข้าสกัดหน้าจำเลยไว้ แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในลักษณะทันทีทันใด จำเลยย่อมไม่มีโอกาสเลือก ทั้งจำเลยแทงเพียงครั้งเดียว แล้ววิ่งหลบหนีไปไม่ได้แทงซ้ำอีก ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ อาการบาดเจ็บของผู้เสียหายใช้เวลารักษา ๒ สัปดาห์ และโจทก์ก็ไม่ได้นำแพทย์ผู้รักษาผู้เสียหายมาเบิกความว่า บาดแผลของผู้เสียหายจะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้เพราะอะไร เพียงอ้างส่งผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เท่านั้น พฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้ว่าจำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๘๗๐/๒๕๔๐
ป.อ. มาตรา ๕๙ , ๒๘๘
แม้จำเลยกับผู้เสียหายจะเป็นญาติพี่น้องกัน สาเหตุแห่งการทำร้ายเกิดจาก จำเลยโกรธที่ผู้เสียหายว่ากล่าวตักเตือนให้จำเลยเลิกดื่มสุรา ติดต่อกันมาสองวันแล้ว จำเลยได้ลอบเข้าไปแทงผู้เสียหายขณะที่ผู้เสียหายนอนหลับอยู่ที่เตียงผ้าใบใต้ถุนบ้านหนึ่งที จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว ๑ ฟุต เฉพาะตัวมีดยาว ๘ นิ้ว เลือกแทงที่ท้องของผู้เสียหายอย่างแรงบาดแผลที่หน้าท้องยาว ๔ เซนติเมตร ลึกถึง ๔ นิ้ว ทะลุลำไส้เล็ก ตัดเส้นโลหิตใหญ่ฉีกขาด ผู้เสียหายมีเลือดตกในช่องท้องประมาณ ๒ ลิตร แพทย์ลงความเห็นว่าถ้าไม่ได้รับการผ่าตัดอย่างรีบด่วนอาจทำให้ถึงตายได้ภายใน ๑ ชั่วโมง จำเลยใช้มีดขนาดใหญ่มีความยาวและแหลมคมแทงที่ท้องอันเป็นอวัยวะสำคัญของผู้เสียหาย ถึงแม้จำเลยจะมีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย แต่จำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ ย่อมถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วรรคสอง
การที่จำเลยไม่แทงซ้ำอีก ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสจะทำได้ ก็ไม่ทำให้ความผิดของจำเลยเปลี่ยนแปลงไป เพราะเจตนาโดยเล็งเห็นผลนั้น มุ่งถึงลักษณะแห่งการกระทำและผลของการกระทำที่อาจเกิดขึ้นเป็นหลัก มิได้มุ่งถึงเจตนาของผู้กระทำเป็นหลัก เช่น ใช้อาวุธปืนยิงนกที่จับอยู่ขอนไม้ใกล้ ๆ กับที่มีคนนั่งอยู่ ผู้ยิงย่อมเล็งเห็นผลว่ากระสุนปืนอาจพลาดไปถูกคนได้ ซึ่งหากกระสุนปืนพลาดไปถูกคนตาย ผู้ยิงย่อมมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาทั้ง ๆ ที่ไม่มีเจตนาจะยิงคนเลย กรณีของจำเลยก็เช่นกัน เมื่อผู้เสียหายไม่ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
ส่วนการกระทำโดยบันดาลโทสะต้องเกิดจากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม และต้องกระทำต่อผู้ที่ข่มเหงในขณะนั้น ผู้เสียหายเพียงแต่ว่ากล่าวตักเตือน แม้จะด่าว่าจำเลยบ้าง ก็ไม่ใช่เป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม อีกทั้งผู้เสียหายก็ได้เลิกด่าและหนีไปนอนจนหลับแล้ว จำเลยลอบเข้าไปแทงขณะที่ผู้เสียหายนอนหลับจะอ้างเหตุบันดาลโทสะ หาได้ไม่