คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๗๔๐/๒๕๕๗
ป.อ. มาตรา ๓๓, ๘๓, ๒๘๘ , ๒๙๐ วรรคแรก
ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคสอง (๒)
นางสาว ณ. และ นางสาว ร. เคยให้การต่อพนักงานสอบสวนโดยบันทึกคำให้การไว้ในชั้นสอบสวนว่า จำเลยและหลานร่วมกันชกต่อยผู้ตาย หลานจำเลยใช้มีดแทงที่หน้าท้อง ๑ ครั้ง เมื่อผู้ตายล้มจำเลยกระทืบซ้ำ การที่นางสาว ร. เบิกความแตกต่างจากที่ให้การเป็นพยานไว้ในชั้นสอบสวน โดยชั้นสอบสวน นางสาว ร. ให้การเป็นพยานวันเดียวกับที่เกิดเหตุและหลังเวลาเกิดเหตุไม่นาน จึงยังไม่ทันมีเวลาแต่งข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเหลือจำเลย และชั้นพิจารณานางสาว ร. มิได้โต้แย้งหรือคัดค้านว่าคำให้การของตนชั้นสอบสวนไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบตรงไหน อย่างไร เมื่อพิจารณาตามสภาพ ลักษณะและข้อเท็จจริงแวดล้อมแล้ว เชื่อว่าคำให้การชั้นสอบสวนของนางสาว ร. เป็นความจริงยิ่งกว่าชั้นพิจารณา
ส่วนนางสาว ณ. โจทก์ไม่สามารถติดตามนำตัวมาเบิกความเป็นพยานได้คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวน ยืนยันว่าเห็นจำเลยร่วมกับหลานทำร้ายผู้ตายและหลานจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายโดยจำเลยกระทืบผู้ตายด้วย แม้คำให้การชั้นสอบสวนของนางสาว ณ. เป็นพยานบอกเล่าก็ตาม แต่การไม่สามารถติดตามนำตัวนางสาว ณ. มาเบิกความได้ ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม สามารถรับฟังคำให้การชั้นสอบสวน ของนางสาว ณ. ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคสอง (๒) นอกจากนี้ ดาบตำรวจ ช. เบิกความว่าเห็นมีเลือดออกที่แขนซ้ายของจำเลยแสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าร่วมกับหลานทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายมีเลือดออก และยังเป็นการสนับสนุนคำให้การชั้นสอบสวนของ ณ. และ นางสาว ร. ให้ มีน้ำหนักน่าเชื่อมากขึ้น
การที่จำเลยเข้าร่วมกับหลานชกต่อยผู้ตาย จำเลยมีแต่เพียงเจตนาทำร้ายผู้ตายเท่านั้น แต่หลานแทงผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยต้องรับผิดในผลแห่งความตายของผู้ตายด้วย จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๓๗๐/๒๕๕๔
ป.อ. ตัวการ (มาตรา ๘๓)
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ เพียงชกต่อยโจทก์ร่วม แล้วเสียหลักล้มลงไปด้วยกัน โจทก์ร่วมนั่งคร่อมจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ใช้มีดทำครัวที่หยิบได้ในที่เกิดเหตุแทงโจทก์ร่วมทางด้านหลัง ซึ่งเป็นการตัดสินใจของจำเลยที่ ๒ โดยฉับพลันในขณะนั้นเอง หาได้มีการสมคบกันมาก่อนไม่ การที่จำเลยที่ ๒ ใช้มีดแทงโดยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจตนาที่เกิดขึ้นภายหลังเช่นนี้ เป็นเจตนาเฉพาะตัวจำเลยที่ ๒ ไม่มีเหตุที่จำเลยที่ ๑ จะคาดหมายหรือเล็งเห็นได้ว่าจำเลยที่ ๒ จะใช้มีดแทงโจทก์ร่วม ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ มีเจตนาร่วมกันเป็นตัวการพยายามฆ่าโจทก์ร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๓๙๑/๒๕๕๔
ป.อ. ตัวการ ร่วมทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นตาย (มาตรา ๘๓, ๒๙๐)
การที่พวกของจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุเข้าไปชกต่อยผู้ตายกับพวกก่อน แล้วจำเลยทั้งสองเข้าไปช่วยชกต่อยนั้น ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกับพวกดังกล่าวทำร้ายผู้ตายกับพวก แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ทราบมาก่อนว่าพวกของตนมีมีดติดตัวมาด้วย แต่เมื่อพวกของจำเลยทั้งสองทำร้ายผู้ตายโดยใช้มีดแทง และผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเป็นผลมาจากการถูกทำร้ายดังกล่าว จำเลยทั้งสองต้องรับผลจากการกระทำที่พวกของตนแทงทำร้ายผู้ตายด้วย
ป.อ. มาตรา ๓๓, ๘๓, ๒๘๘ , ๒๙๐ วรรคแรก
ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคสอง (๒)
นางสาว ณ. และ นางสาว ร. เคยให้การต่อพนักงานสอบสวนโดยบันทึกคำให้การไว้ในชั้นสอบสวนว่า จำเลยและหลานร่วมกันชกต่อยผู้ตาย หลานจำเลยใช้มีดแทงที่หน้าท้อง ๑ ครั้ง เมื่อผู้ตายล้มจำเลยกระทืบซ้ำ การที่นางสาว ร. เบิกความแตกต่างจากที่ให้การเป็นพยานไว้ในชั้นสอบสวน โดยชั้นสอบสวน นางสาว ร. ให้การเป็นพยานวันเดียวกับที่เกิดเหตุและหลังเวลาเกิดเหตุไม่นาน จึงยังไม่ทันมีเวลาแต่งข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเหลือจำเลย และชั้นพิจารณานางสาว ร. มิได้โต้แย้งหรือคัดค้านว่าคำให้การของตนชั้นสอบสวนไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบตรงไหน อย่างไร เมื่อพิจารณาตามสภาพ ลักษณะและข้อเท็จจริงแวดล้อมแล้ว เชื่อว่าคำให้การชั้นสอบสวนของนางสาว ร. เป็นความจริงยิ่งกว่าชั้นพิจารณา
ส่วนนางสาว ณ. โจทก์ไม่สามารถติดตามนำตัวมาเบิกความเป็นพยานได้คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวน ยืนยันว่าเห็นจำเลยร่วมกับหลานทำร้ายผู้ตายและหลานจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายโดยจำเลยกระทืบผู้ตายด้วย แม้คำให้การชั้นสอบสวนของนางสาว ณ. เป็นพยานบอกเล่าก็ตาม แต่การไม่สามารถติดตามนำตัวนางสาว ณ. มาเบิกความได้ ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม สามารถรับฟังคำให้การชั้นสอบสวน ของนางสาว ณ. ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคสอง (๒) นอกจากนี้ ดาบตำรวจ ช. เบิกความว่าเห็นมีเลือดออกที่แขนซ้ายของจำเลยแสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าร่วมกับหลานทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายมีเลือดออก และยังเป็นการสนับสนุนคำให้การชั้นสอบสวนของ ณ. และ นางสาว ร. ให้ มีน้ำหนักน่าเชื่อมากขึ้น
การที่จำเลยเข้าร่วมกับหลานชกต่อยผู้ตาย จำเลยมีแต่เพียงเจตนาทำร้ายผู้ตายเท่านั้น แต่หลานแทงผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยต้องรับผิดในผลแห่งความตายของผู้ตายด้วย จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๓๗๐/๒๕๕๔
ป.อ. ตัวการ (มาตรา ๘๓)
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ เพียงชกต่อยโจทก์ร่วม แล้วเสียหลักล้มลงไปด้วยกัน โจทก์ร่วมนั่งคร่อมจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ใช้มีดทำครัวที่หยิบได้ในที่เกิดเหตุแทงโจทก์ร่วมทางด้านหลัง ซึ่งเป็นการตัดสินใจของจำเลยที่ ๒ โดยฉับพลันในขณะนั้นเอง หาได้มีการสมคบกันมาก่อนไม่ การที่จำเลยที่ ๒ ใช้มีดแทงโดยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจตนาที่เกิดขึ้นภายหลังเช่นนี้ เป็นเจตนาเฉพาะตัวจำเลยที่ ๒ ไม่มีเหตุที่จำเลยที่ ๑ จะคาดหมายหรือเล็งเห็นได้ว่าจำเลยที่ ๒ จะใช้มีดแทงโจทก์ร่วม ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ มีเจตนาร่วมกันเป็นตัวการพยายามฆ่าโจทก์ร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๓๙๑/๒๕๕๔
ป.อ. ตัวการ ร่วมทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นตาย (มาตรา ๘๓, ๒๙๐)
การที่พวกของจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุเข้าไปชกต่อยผู้ตายกับพวกก่อน แล้วจำเลยทั้งสองเข้าไปช่วยชกต่อยนั้น ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกับพวกดังกล่าวทำร้ายผู้ตายกับพวก แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ทราบมาก่อนว่าพวกของตนมีมีดติดตัวมาด้วย แต่เมื่อพวกของจำเลยทั้งสองทำร้ายผู้ตายโดยใช้มีดแทง และผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเป็นผลมาจากการถูกทำร้ายดังกล่าว จำเลยทั้งสองต้องรับผลจากการกระทำที่พวกของตนแทงทำร้ายผู้ตายด้วย